วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ฤทธิ์รักร้ายลวงอย่าลองลิ้ม



หลายหลากคน อยากลิ้มลอง รู้รสรัก
                อยากประจักษ์ รักสวยยิ่ง นั้นจริงหรือ
                อยากสดับ ความไพเราะ ของรักคือ
                อยากเฝ้าถือ ครองความรัก ที่งดงาม
ครั้นพอเริ่ม แรกล่า น่าสะดุ้ง
                รักนั้นปรุง แต่งเสียเชื่อ ว่าเกลือหวาน
                รักหอมชื่น คืนเวลา น่าสราญ
                ครั้นพ้นผ่าน เริ่มประจักษ์ รักคือลวง
ไม่ใส่ใจ หรือใยดี ราวแต่ก่อน
                ไม่ห่วงหา อาทร วอนสักช่วง
                ไม่พูดจา น่ารมย์รื่น ชื้นในทรวง
                น้ำตาร่วง อยู่ในอก ฟกช้ำใจ
-มาร์ก สะกดด้วยการประพันธ์-

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

การเมืองเรื่องใกล้ตัวกับ "บก.ลายจุด"


โอกาสที่ผมจะได้นั่งติดกับบุคคลที่ปรากฏตามหน้าสื่ออย่างใกล้ชิดแบบนี้คงหาได้ไม่ง่ายนัก วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๔ คงเป็นอีกหนึ่งวันที่ผมต้องบันทึกไว้ในความทรงจำ เนื่องด้วยในวันดังกล่าวผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์นักเคลื่อนไหวคนดังคนหนึ่ง เขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในฐานะนักเคลื่อนไหวที่ไม่แสวงผลกำไร (NGOs) เป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิกระจกเงา และล่าสุดเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองผู้เรียกตัวเองว่า "แกนนอน"; ครับ ผมกำลังพูดถึง "บก.ลายจุด" คุณสมบัติ บุญงามอนงค์
คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือที่หลายท่านคุ้นเคยกันในชื่อ "บก.ลายจุด" เป็นนักเคลื่อนไหวที่มีบทบาทมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย ในอดีตเขาเคยก่อตั้งองค์กรช่วยเหลือสังคมหลายต่อหลายองค์กร จนทำให้ได้รับรางวัลจากองค์กรอโศก (Ashoka Fellows Award) ในฐานะบุคคลที่มีความสำคัญต่อการเคลื่อนไหวที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม การศึกษา และเทคโนโลยีสารสนเทศ อีกทั้งยังได้รับรางวัลเยาวชนนักพัฒนาดีเด่น จากสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน รวมไปถึงรางวัลนวัตกรรมดีเด่น จากธนาคารโลกจากการก่อตั้งสถานีโทรทัศน์ชุมชน "บ้านนอกทีวี"
นอกจากบทบาทในฐานะนักเคลื่อนไหวทางสังคมแล้ว บทบาทที่ทำให้ทุกคนรู้จัก "บก.ลายจุด" มากยิ่งขึ้น คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะการเคลื่อนไหวเรียกร้องทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการออกมาต่อต้านรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙, การรณรงค์โหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. ๒๕๕๐, การรณรงค์ให้คนเสื้อแดงมาผูกผ้าแดงที่บริเวณป้ายสี่แยกราชประสงค์ ตลอดจนการรณรงค์ให้ประชาชนคนไทย "โหวตเยส" แทนการ "โหวตโน" ในการเลือกตั้งทั่วไปปี ๒๕๕๔
มาถึงตรงนี้หลายคนคงตั้งคำถามว่าเหตุใดคุณสมบัติจึงใช้ชื่อแฝงว่า "บก.ลายจุด" คุณสมบัติก็ได้ให้เหตุผลเอาไว้ว่า เมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน เป็นช่วงที่อินเตอร์เน็ตเริ่มแพร่หลายในประเทศไทย คุณสมบัติก็ได้ก่อตั้งเว็บไซต์ขึ้นมา และในฐานะเว็บมาสเตอร์ เขาก็มองว่ามันมีสถานะที่คล้ายคลึงกับการเป็นบรรณาธิการ กอปรกับตอนนั้นมีหนังเรื่อง "101 Dalmatians" เขาจึงได้ตั้งชื่อแฝงขึ้นมาเล่นๆไม่ได้มีเหตุผลอะไรมากมาย เพราะคิดแค่เพียงว่าจะให้ใช้ชื่อสมบัติ บุญงามอนงค์ลงท้ายบทความที่เขาเขียนก็คงจะไม่เหมาะ จากนั้นชื่อ "บก.ลายจุด" ก็ถูกทำให้เข้าใจตรงกันว่าหมายถึงคุณสมบัติ บุญงามอนงค์
หลังจากที่คลายความสงสัยในส่วนของที่มาของนามแฝงไปเรียบร้อย ผมก็ไม่รีรอถามถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้บก.ลายจุดออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องในกรณีต่างๆ คำตอบของบก.ก็พวยพุ่งออกมาทันทีราวกับรู้คำถามล่วงหน้า “คือผมเป็นเอ็นจีโอ เวลาเห็นความไม่ถูกต้องในสังคมเกิดขึ้น ผมไม่เคยที่จะลังเลในการออกไปทวงถามหาความถูกต้องเลยสักครั้ง บทบาทของเอ็นจีโอมันก็เป็นอะไรที่แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องทำเพื่อสังคม แรงบันดาลใจในการออกไปเรียกร้องของผมคือความยุติธรรมที่ผมปรารถนาให้เกิด”
สิ่งที่ผมสงสัยอีกประการหนึ่งคือทำไมบก.ลายจุดถึงไม่ลงเล่นการเมืองแบบเต็มตัว บก.ก็ได้อธิบายให้ผมฟังพอเข้าใจว่า สาเหตุที่บก.ไม่ลงสู่สนามการเมืองเป็นเพราะบก.ต้องการที่จะทำให้การเมืองภาคประชาชนนั้นมีบทบาทมากยิ่งขึ้น เนื่องจากตามทัศนะส่วนตัวของบก. บก.มองว่าการปกครองในระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงแค่เลือกผู้แทนไปเป็นปากเป็นเสียงแทนตัวเองแล้วก็จบไป แต่การปกครองในลักษณะดังกล่าวประชาชนจำเป็นต้องมีส่วนร่วมทางการเมือง เพราะระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ประชาชนเป็นเจ้าของอธิปไตย หากปล่อยให้การเมืองอยู่แค่ในสภา นักการเมืองก็จะมีอำนาจมากกว่าประชาชนทั่วไป แล้วอีกประการหนึ่งหากบก.เข้าสู่แวดวงการเมืองอย่างเต็มตัว ก็จะทำให้ผู้ที่จับจ้องว่าบก.ออกมาเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ทำไปเพื่ออะไรตีความทึกทักเอาเองว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่บก.ทำเพื่อเป็นการปูทางให้ตัวเองเข้าสู่สนามการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ เพราะทุกวันนี้บก.ก็ต้องคอยตอบคำถามของตัวเองเหมือนกันว่าออกมาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นบก.ได้ทิ้งท้ายในหัวข้อนี้เอาไว้ว่า อีก ๑๐ ปีค่อยมาคุยกัน เพราะตอนนี้ ในสถานการณ์แบบนี้บก.ยังไม่มีความคิดที่จะเข้าสู่อาชีพนักการเมือง
ความคับข้องใจของผมก็ถูกคลายออกทั้งหมดแล้ว ผมจึงเริ่มประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทยในปัจจุบัน โดยเริ่มที่ความเห็นของคุณสมบัติว่าเหตุใดคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตรจึงได้ก้าวเข้ามาสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย คุณสมบัติก็ได้ให้ความเห็นเอาไว้ว่า คะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยได้มาจากคน ๓ กลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มคนเสื้อแดงและคนที่นิยมในตัวคุณทักษิณ กลุ่มที่สองคือกลุ่มที่ชื่นชอบในผลงานของพรรคไทยรักไทย และในกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มคนที่ตั้งความหวังไว้กับนโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยรวมคุณสมบัติมองว่าเป็นเพราะนิสัยของคนไทยที่อยากลองของใหม่ด้วยส่วนหนึ่ง
ในส่วนของความเห็นของบก.สมบัติจากการที่คณะรัฐมนตรีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ๑ ปราศจากรัฐมนตรีเสื้อแดง บก.สมบัติบอกว่า ในส่วนตัวเขาไม่ได้รู้สึกอะไร มองว่าเป็นเรื่องที่สมควรเพราะรัฐบาลพยายามจะลดแรงเสียดทานจากปัจจัยภายนอก เพราะดูจากชื่อชั้นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ก็มองว่าพอไปได้ ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่สักเท่าไหร่ อีกทั้งรัฐบาลจะต้องมีความเป็นมืออาชีพมากพอ เรื่องคนเสื้อแดงไม่ได้เป็นรัฐมนตรีจึงไม่ควรนำออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้อง เพราะรัฐบาลมีหน้าที่บริหารประเทศ
เมื่อถามถึงสถานการณ์ทั่วไปของการเมืองไทยในปัจจุบัน บก.ลายจุดมองว่า ทุกวันนี้ความขัดแย้งทางการเมืองยังคงไม่ยุติ สถานการณ์ตอนนี้เป็นเพียงช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างถอยไปพักเหนื่อย ผมจึงถามแทนคนไทยที่เบื่อหน่ายการเมืองว่าเมื่อไหร่ความปรองดองระหว่างขั้วสีทั้งสองจะบังเกิด บก.ลายจุดก็ได้ตอบคำถามของผมว่า "การปรองดองถ้าทำแล้วความขัดแย้งหายผมก็ไม่เอาด้วย การทะเลาะกันผมมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะนั่นแสดงว่าประชาชนมีแนวคิดทางการเมืองและพร้อมที่จะแสดงออก ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะมีเสียงแห่งการทะเลาะกันดังขนาดนี้ แต่ถ้าปรองดองแล้วความขัดแย้งไม่หายคือยังทะเลาะกันต่อในแนวคิดได้ ผมก็พร้อมสนับสนุน เพราะส่วนตัวผมก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการป่าเถื่อนอยู่แล้ว ผมเชื่อในสันติวิธี ทะเลาะกันแบบสันติ เถียงกันแบบสันติ ไม่ต้องถึงขนาดฆ่ากันแกงกัน แต่ถ้าปรองดองแล้วบอกให้ผมเลิกทะเลาะมันก็เหมือนกับการเอาปัญหาไปซุกไว้ใต้พรม ปัญหามันไม่ได้หายไปไหน ถ้ามีคนไปสะดุดมันก็ออกมาอีก แล้วอย่างนี้จะต้องปรองดองอีกกี่ครั้ง?"

ผมจึงถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯที่มีต่อคุณทักษิณเริ่มแปลกไป บก.สมบัติบอกว่าโดยส่วนตัวไม่เชื่อในเรื่องนี้ มองว่ากลุ่มพันธมิตรฯไม่มีทางญาติดีกับพ.ต.ท.ทักษิณแน่ แต่ถ้าหากพูดถึงคุณสนธิ ลิ้มทองกุลก็มองว่ามีแนวโน้ม เพราะคุณสนธิแปลกตั้งแต่ต้นแล้ว ส่วนในเรื่องของแนวทางการรณรงค์ให้มีการ "โหวตโน" ในช่วงเลือกตั้งของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น เป็นการรณรงค์ที่ถือเป็นการเตะตัดขาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อพรรคเพื่อไทย ในเรื่องนี้บก.ก็มองว่าแปลกพอสมควร
ในฐานะที่บก.ลายจุดเคยอยู่ในวิชาชีพสื่อสารมวลชน ผมจึงได้ถามถึงความคิดเห็นของบก.ต่อกรณีที่ทางคนเสื้อแดง(บางคน) ได้กระทำการคุกคามสื่อโดยการส่งฟอร์เวิร์ดเมลข่มขู่นักข่าว ซึ่งในเรื่องนี้บก.ได้แสดงทัศนะเอาไว้ว่า “สื่อถือเป็นฐานันดรหนึ่งในสังคม ผมเห็นว่าการเล่นกับสื่อในลักษณะนี้ไม่ส่งผลดีต่อใครเลย สิ่งที่คนเสื้อแดงที่ไม่พอใจกับนักข่าวคนนั้นควรทำคือการวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ควรไปกดดันในลักษณะนี้ ผมมองว่าเว่อร์เกินไป แต่ในเรื่องนี้ผมก็ขอชมคุณยิ่งลักษณ์นะ เพราะถ้าเป็นนายกฯคนก่อนๆเขาคงตอบโต้นักข่าวไปแล้ว แต่กับคุณยิ่งลักษณ์เธอกลับแค่เดินหนี”
ผมได้ถามถึงความเห็นของบก.สมบัติต่อกรณีที่ดูเหมือนว่าทางรัฐบาลจะไม่ทำการโยกย้ายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ออกจากตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) บก.สมบัติได้อธิบายเรื่องนี้ให้ฟังว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของเกมการเมืองที่เราจะมองเพียงชั้นเดียวไม่ได้ พื้นเดิมนายธาริตเป็นคนที่ไม่มีจุดยืน ตอนแรกที่ดำรงตำแหน่งเป็นเพียงแค่รองอธิบดี นายธาริตเคยไปพูดเรื่องมาตรา ๑๑๒ ว่าเป็นกฎหมายที่ควรแก้ไข แต่พอขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ นายธาริตกลับมีมุมมองที่เปลี่ยนไป พร้อมกันนั้นยังได้ทำงานแบบถวายหัวต่ออดีตนายกฯอภิสิทธิ์ แต่เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนขั้ว นายธาริตกลับไปสวามิภักดิ์ต่อพรรคเพื่อไทย โดยได้เดินทางไปที่ที่ทำการพรรคเพื่อเจรจาขออยู่ในตำแหน่งต่อไป โดยส่วนตัวบก.มองว่าเหตุผลที่ทางพรรคเพื่อไทยยอมให้นายธาริตอยู่ในตำแหน่งเป็นเพราะนายธาริตเป็นหนึ่งในคณะทำงาน ศอฉ. เรื่องคดีความหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมดังกล่าว นายธาริตเป็นอีกหนึ่งคนที่รู้ดี ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยคงเห็นความสำคัญจุดนี้ จึงได้ยอมให้นายธาริตอยู่ในตำแหน่งต่อไปเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่จะนำข้อมูลต่างๆย้อนกลับมาเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์
เมื่อผมให้บก.ลายจุดคาดการณ์อายุของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯหญิงคนแรกของไทย บก.ก็ได้วิเคราะห์เอาไว้ที่ไม่เกิน ๒ ปี ทั้งนี้เพราะปัจจัยหลายๆอย่างที่จะส่งผลให้รัฐบาลชุดนี้จำเป็นต้องยุบสภา ไม่ว่าจะเป็นการตั้งธงตั้งแต่แรกของทางพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากแก้ไขสำเร็จก็เป็นธรรมเนียมที่รัฐบาลจะต้องยุบสภา อีกทั้งยังมีประเด็นที่ทางบ้านเลขที่ ๑๑๑ จะกลับมามีสิทธิทางการเมืองอีกครั้งในวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ซึ่งในส่วนนี้ทางบก.ลายจุดเชื่อเหลือเกินว่าจะต้องเกิดแรงเสียดทานจากบ้านเลขที่ ๑๑๑ แน่นอน แต่ไม่ว่าจะอย่างไรบก.มองว่าการยุบสภาบ่อยๆนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้อำนาจการตัดสินใจกลับมาอยู่ในมือของประชาชนอีกครั้ง
พูดถึงเป้าหมายสูงสุดในการเคลื่อนไหวทางการเมือง บก.สมบัติบอกว่า อยากเห็นการเมืองภาคประชาชนเข้มแข็ง ไม่ใช่นักการเมืองเข้มแข็ง เพราะบก.เชื่อว่าพลังของประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกสิ่ง พร้อมกันนั้นบก.ก็ได้ฝากถึงรัฐบาลชุดนี้ไว้ว่า "อย่าตกหลุม อย่าผูกขาด อยากให้รัฐบาลชวนประชาชนมาช่วยกันบริหารประเทศ ไม่ใช่คิดแค่จะผูกขาดอำนาจไว้กับตัวเอง"
และสุดท้าย "บก.ลายจุด" สมบัติ บุญงามอนงค์ ฝากให้ประชาชนคนไทยที่เบื่อหน่ายการเมืองเลือกบทบาทของตัวเองว่าอยากจะเป็นอะไรระหว่าง "ผู้กระทำ" ที่คอยกำหนดแนวทาง มีส่วนร่วมและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ กับ "ผู้ถูกกระทำ" ที่คอยแต่จะรับชะตากรรมที่เกิดจากการเมือง เพราะไม่ว่าจะเบื่อหน่ายการเมืองขนาดไหนก็ไม่มีทางหนีคำว่าการเมืองไปได้ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเล็กหรือว่าใหญ่ล้วนเกิดขึ้นและดับไปเพราะการเมือง


เรื่อง :: มาร์ก สะกดด้วยกอไก่

ภาพ :: ChayaNIDD


หมายเหตุ : บทความนี้ถูกตัดทอนเนื้อหาจากการสัมภาษณ์จริงไปอยู่มาก ด้วยเนื้อหาประเด็นที่ถูกกำหนดมา ซึ่งหากกระผมมีเวลาจะนำเนื้อหาทั้งหมดจากการสัมภาษณ์มาเผยแพร่ให้ครบถ้วนกระบวนความอีกครั้งในหัวข้อประเด็นอื่น